สายพันธุ์แมวน่ารู้
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556
แมวพันธุ์สีสวาด (Silver blue)
แมว
สีสวาดหรือบางคนอาจเรียกว่าแมวโคราชเป็นที่นิยมเลี้ยงในไทยกันเป็นอย่างมาก
เพราะถือว่าเป็นแมวที่เป็นมงคลให้โชคลาภ
อยากจะรู้จักกับแมวพันธุ์นี้ให้มากขึ้นไหมคะ งั้นมาศึกษากันเลย
ถิ่นกำเนิด จากประเทศไทย พบที่อำเภอพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา(โคราช) ชื่อแมวโคราช
เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว
มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช
รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมี
โชคลาภมากเท่านั้น แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า
แมวสีสวาด
ลักษณะ ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
อุปนิสัย แมวโคราชมีนิสัยที่แตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นอย่างเห็นได้ชัด
แมวโคราชจะมีนิสัยค่อนข้างฉลาด จำแม่น ขี้ประจบ
ถ้าหากเรานำแมวโคราชไปปล่อยในต่างสถานที่ แมวฯ สามารถที่จะกลับมาที่บ้านของตัวได้
มีนิสัยคล้ายสิงห์โต จะสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยการฉี่รอบสถานที่อยู่อาศัย
แมวต่างถิ่นที่เป็นตัวผู้จะไม่ให้กล้ำกลายเข้ามา ยกเว้นตัวเมีย
ตัวเมียถ้าหากอยู่รวมกันเป็นฝูงจะแบ่งชั้นวรรณะกัน ถ้าหากเราให้อาหารรวมกัน
ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะกินอาหารก่อน และไล่รองลงมา
แต่การเลี้ยงลูกกลับมีนิสัยเหมือนสิงห์โต ตัวเมืองจะช่วยกันเลี้ยงลูก แมวถึงแม้ไม่ใช่ลูกของตัวเอง
แม้แต่อาหารก็จะให้ลูกแมวกันก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง
แม่แมวจะฝึกลูกของตัวเองในการดำรงชีพ
และป้องกันตัวโดยการสัตว์เล็กมาให้หยอกเล่นเป็นการฝึกการหาอาหารและป้องกันตัวเอง
แมวโคราชมีนิสัยที่จะเจ้าของแม่นมาก ถ้าคนแปลกหน้าเข้ามาจะไม่ไว้วางใจหรืออาจจะขู่เลย
แต่ถ้าเป็นเจ้าของจะวิ่งมาเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบสอพลอ
- ลักษณะสีขน ขนสั้น สีสวาด (silver
blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
- ลักษณะของส่วนหัว
: หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง
ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน
โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
- ลักษณะของนัยน์ตา
: นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า
เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด
และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
- ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง
ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า
แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป
จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี
พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน
และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก
จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ขนยาวเกินไป
มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง
หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3
นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
- การดูแล แมวสีสวาด มีอายุขัยประมาณ 10-15 ปี ใกล้เคียงกับสุนัข
และใช้เวลาการตั้งท้องประมาณ 63 วัน คลอดลูกครั้งละ 1-7 ตัว
แต่ส่วนมากจะคลอดลูกประมาณ 4 ตัว
สำหรับวิธีการเลี้ยงดูหากเลี้ยงที่บ้านปกติควรดูแลเรื่องการให้ยาถ่ายพยาธิและการฉีดวัคซีนมากเป็นพิเศษ โดยยาถ่ายพยาธิควรให้เป็นระยะ ๆ
ประมาณ 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง และฉีดวัคซีน 3 ชนิด ปีละ 1 ครั้ง ประกอบด้วย
วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันหัดแมว และวัคซีนป้องกันลิวคีเมียร์
ซึ่งลิวคีเมียร์เป็นโรคแมว ลักษณะเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง หากเป็นแล้วมักไม่มียารักษา
จึงต้องฉีดยาป้องกันไว้ก่อน แค่นี้แมวสีสวาดก็จะมีอายุยืนยาวอยู่กับเราได้นาน ๆ
สำหรับราคาของเจ้าแมวโคราชหรือแมวสีสวาดก็เริ่มต้นที่ 2,000
บาทขึ้นไปและมีราคาสูงถึงหลักแสนเลยก็ว่าได้
เพราะคนไทยถือว่าแมวพันธุ์นี้เป็นแมวมงคล
ยิ่งมีลักษณะตรงตามตำราละก็ยิ่งทำให้ราคาสูงเข้าไปใหญ่
สำหรับใครสนใจแมวพันธุ์นี้ก็หามาเลี้ยงสักตัวนะคะ
ถือว่ช่วยกันอนุรักษ์แมวไทยให้คงงอยู่ไปโดยไม่สูญหายกันด้วยค่ะ
แมวทราย (Sand cat)
สำหรับคำจำกัดความย่อ ๆ ของแมวทราย (Sand cat) นั้นกล่าวได้ว่าเป็นแมวป่าขนาดเล็กกระจายอยู่ตามทะเลทรายแอฟริกาและเอเชีย
มีขนาดลำตัวยาว 39-57 เซนติเมตร หนัก 1.4-3.4 กิโลกรัม มีขนยาวที่เพิ่มขึ้นระหว่างนิ้วเท้า
สามารถอาศัยอยู่ได้ในอุณภูมิตั้งแต่ -5
ถึง 52 องศาเซลเซียส
สามารถอดน้ำได้เป็นเดือนโดยอาศัยน้ำที่อยู่ในอาหารเท่านั้น ได้ยินกันขนาดนี้แล้วก็คงอยากรู้ข้อมูลอย่างละเอียดแล้วใช่ไหมคะ
- ถิ่นที่อยู่อาศัย กระจายอยู่ทั่วไปตามทะเลทรายแอฟริกาและเอเชีย โดยพบมากในแถบทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายอราเบียน ทะเลทรายแถบอิหร่านและปากีสถาน
- สายพันธุ์ เป็นแมวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ชื่อเต็มของมันก็คือ Feris magarita เป็นสัตว์ตระกูลแมวชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย
- ลักษณะ แมวทรายเป็นที่มีขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ตัวผู้ตัวเต็มวัยมีน้ำหนักเพียง 2.1-3.4 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียหนัก 1.4-3.1 กิโลกรัม ลำตัวสีน้ำตาลซีดจนถึงเทาอ่อน ขนแน่น หนานุ่ม บริเวณหลังเข้มขึ้นเล็กน้อย หน้าท้องซีดจาง มีลายริ้วจาง ๆ ตามลำตัวและขา มีเส้นสีน้ำตาลแดงพาดที่แก้มตั้งแต่หางตา ครึ่งล่างของหน้าและหน้าอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ใบหูใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเรียว สีน้ำตาลอมแดง ปลายหูสีดำ ใบหูอยู่ห่างกันและค่อนมาทางข้างหัว ปลายหางมีปล้องบาง ๆ หลายปล้อง ปลายหางสีดำ ใบหน้ากว้าง ดวงตาใหญ่ อุ้งตีนมีขนยาวหนาแน่นปกคลุม
อุปนิสัย แมวทรายปีนป่ายและกระโดดไม่เก่ง
แต่เป็นยอดนักขุด
ทักษะการขุดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพในสถานที่ของแมวชนิดนี้ เพราะต้องใช้ในการขุดโพรงเพื่อพักผ่อนและหาเหยื่อ อุ้งเล็บไม่คมมากนัก
ซึ่งอาจเป็นเพราะการอาศัยในทะเลทรายจึงไม่มีโอกาสได้ฝนเล็บบ่อยนัก
เวลาเดินบนพื้นที่โล่ง จะเดินย่องต่ำ ๆ
หูที่ใหญ่ช่วยในการค้นหาเสียงจากความเคลื่อนไหวอันแผ่วเบาได้เป็นอย่างดี
เหยื่อของแมวทรายได้แก่ เจอร์บิล เจอร์บัว โวล กระต่ายป่า นก สัตว์เลื้อยคลาน
และแมลง ศัตรูตามธรรมชาติได้แก่งูพิษ หมาจิ้งจอก และนกเค้าแมวขนาดใหญ่
แมวทรายหากินเวลากลางคืน
ส่วนเวลากลางวันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโพรงตื้น ๆ ที่ขุดไว้ตามเนินทราย ในดงไม้แคระ
หรืออาจนอนอยู่ไม่ไกลจากปากโพรง
โดยนอนหงายหลังซึ่งเป็นท่านอนที่ระบายความร้อนได้ดี แมวทรายแต่ละตัวอาจยืมรังใช้กันได้
เมื่อตกค่ำ แมวทรายจะซุ่มสังเกตการณ์อยู่ปากโพรงประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะออกจากโพรงไป
แต่ละคืนแมวทรายจะเดินทางเฉลี่ย 5.4 กิโลเมตร
เมื่อกลับมาที่รังในตอนรุ่งสางก็จะมาซุ่มสังเกตการณ์ที่ปากโพรงอีกครั้งก่อนจะเข้ารังนอน
ตั้งท้องนานประมาณ 60-69 วัน ออกลูกคราวละ 1-8
ตัว ปกติ 2-3 ตัว ออกลูกในโพรงหรือหลืบหิน ลูกแมวแรกเกิดหนัก 50-60 กรัม
ลืมตาได้เมื่ออายุได้สองสัปดาห์ ลูกแมวทรายพัฒนาเร็วมาก
หลังจากเกิดก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 12 กรัม
เริ่มออกจากรังได้เมื่ออายุได้ 3-4 สัปดาห์ กินอาหารแข็งได้เมื่ออายุได้ 5 สัปดาห์
เมื่ออายุได้ 3-4 เดือนก็แยกจากแม่ไปหากินเองได้แล้ว
และจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ได้เมื่ออายุได้ 9-14 เดือน
ในแหล่งเพาะเลี้ยงมีอายุได้ถึง 13 ปี
แมว
ทรายจัดว่าเป็นสัตว์ที่หายาก และไม่ค่อยพบการนำมาเลี้ยง
แต่ความหายากของมันก็ไม่ได้หมายความว่าแมวพันธุ์นี้จะสูญหายไปได้ง่าย
เพราะการที่มันอยู่ในที่ทุรกันดารแช่นนี้จึงทำให้มันปลอดภัยจากอันตรายได้
มากพอสมควร
และคนท้องถิ่นยังมีความเชื่ออีกด้วยว่าแมวชนิดนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของศาสดา
มูฮัมเม็ดและลูกสาว จึงไม่ถูกล่าจากคนท้องถิ่น
ถ้าอยากเห็นตัวจริงเชื่อว่าตามสวนสัตว์น่าจะมีให้เห็นอยู่นะคะ
แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ (American shorthair cat)
- อุปนิสัย อเมิรกัน ช๊อตแฮร์เป็นที่รักใคร่และเป็นมิตรกับเจ้าของมาก นิสัยของมันยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเจ้าของที่เลี้ยงดูได้ แม้เจ้าพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์จะไม่ต้องการเอาใจใส่มากมายแต่มันก็ชอบให้คุณเล่นด้วยนะคะ เพราะมันเป็นแมวที่รักความสนุกสนานกับการเป็นผู้ล่าบางครั้งมันก็ชอบการเล่น ไล่จับสัตว์ของมันไปเรื่อย เป็นแมวที่ฉลาดและเต็มใจที่จะฝึก
- การดูแล เป็นแมวที่มีสุขภาพดี แต่สายพันธุ์นี้มักจะมีปัญหาโรคหัวใจเพราะฉะนั้นควรเลือกสายพันธุ์ที่ไม่ เกิดโรคนี้นะคะเพราะโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม ถ้าคุณเกิดไปได้เจ้าพันธุ์นี้ที่เป็นโรคหัวใจ ลูก ๆ ของมันต่อไปก็จะเป็นโรคหัวใจเช่นกันค่ะ การดูแลพื้นฐานก็คือแปรงขนให้มัน ตัดเล็บ และทำความสะอาดใบหูของมันเพื่อให้มันมีสุขภาพดีด้วยนะคะ
แมวพันธุ์หิมาลายัน (Himalayan Persian)
พอ ได้ยินว่ารู้จักแมวพันธุ์หิมาลายันกันไหม เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้จักแต่ถ้าพูดถึงแมวเปอร์เซียก็ต้องรู้จักกันเป็น อย่างดีแน่ แมวหิมาลายันนั้นแท้จริงแล้วเป็นแมวเปอร์เซียสายพันธุ์หนึ่งนี่แหละค่ะ แล้วทำไมต้องเรียกให้ยุ่งยากนะเหรอ งั้นมาทำความเข้าใจกันหน่อยดีกว่า
ถิ่นกำเนิด จากสหรัฐอเมริกา (ไม่ใช่เทือกเขาหิมาลัยนะคะ จากเว็บต่างประเทศทั้งหลายที่ได้เข้าไปศึกษามา)
สายพันธุ์ เกิดจากการผสมระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศทำ
ให้เกิดลักษณะเด่นของแมวเปอร์เซียและวิเชียรมาศผสมกันได้ลูกแมวสายพันธุ์
ใหม่ขึ้น บางครั้งจึงอาจเรียกแมวพันธุ์หิมาลายันนี้ว่า Colour point
persian (อย่างเช่นถ้าจุดแต้มมันเป็นสีน้ำเงินก็จะเรียกว่า Blue point
Himalayan ค่ะ)
ลักษณะ เป็นแมวขนาดเล็ก ขาค่อนข้างเล็ก หูสั้น จมูกสั้น แก้มนูนเต็มพอ
กับสายพันธุ์ต้นกำเนิดของมัน มีขนยาวบริเวณรอบเอวมีขนอ่อนนุ่ม
รอบๆคอและแก้มมีขนครุยห้อย บริเวณหาง ขนขึ้นหนาทึบ
ที่หูจะมีขนยาวเป็นกระจุกย้อยลงมาเหมือนกับพันธุ์เปอร์เซีย แต่มีแต้มแบบแมววิเชียรมาศ
(9 จุด ได้แก่ ครอบหน้า 1, หู 2, ขาทั้ง 4, หาง 1 และอวัยวะเพศ 1 จึงทำให้แมวพันธุ์นี้มีลักษณะที่โดดเด่นออกไป แถมมันยังมีตาสีฟ้าสดใสเหมือนแมววิเชียรมาศด้วยนะคะ
พอ ได้ยินว่ารู้จักแมวพันธุ์หิมาลายันกันไหม เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้จักแต่ถ้าพูดถึงแมวเปอร์เซียก็ต้องรู้จักกันเป็น อย่างดีแน่ แมวหิมาลายันนั้นแท้จริงแล้วเป็นแมวเปอร์เซียสายพันธุ์หนึ่งนี่แหละค่ะ แล้วทำไมต้องเรียกให้ยุ่งยากนะเหรอ งั้นมาทำความเข้าใจกันหน่อยดีกว่า
- อุปนิสัย ชอบซุกซน รักสนุกสนาน ขี้เล่น มันชอบที่จะมาอยู่คลุกคลีกับคุณและชอบทำตามกิจกรรมที่คุณกระทำอยู่ด้วย สมกับเป็นแมวที่รักเจ้าของจริง ๆ
- การดูแล แมวพันธุ์นี้มีขนยาวเหมือนกับเจ้าเปอร์เซียนั้น ทำให้การดูแลเหมือนกันเลยค่ะ แถมเจ้าแมวพันธุ์นี้ชอบที่จะให้แปรงขน ทำความสะอาดอีกด้วย
ทำไม
แมวพันธุ์นี้ถึงชื่อหิมาลายันทั้ง ๆ
ที่มันไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาหิมาลัยนะเหรอ
ส่วนตัวก็ไม่อาจสรุปได้
ได้แต่เพียงคาดเดาว่าการตั้งชื่อหิมาลัยเกิดจากรูปแบบขนถ้าสัตว์ตัวไหนมีสี
ขนและมีแต้มจุดแบบนี้อาจจะไม่ต้องจุดเหมือนเป๊ะแบบเจ้าวิเชียรมาศนะคะ
แค่มีแต้มจุดก็มักจะเรียกสายพันธุ์ว่าหิมาลายันค่ะ
เพราะจากที่ได้เรียนมายังมีกระต่ายสายพันธุ์หิมาลายันด้วยนะคะ
ซึ่งมันก็ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาหิมาลัยแต่อย่างใด
เชื่อหรือไม่ก็ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันดูนะคะ
ราคา
เริ่มต้นก็อาจจะสูงกว่แมวเปอร์เซียสักหน่อยนะคะ ราคาอยู่ที่ 4,500
บาทขึ้นไปค่ะ แต่รับรองว่าถาคุณได้ครอบครงมันจะไม่เหมือนเปอร์เซียไหน ๆ
แน่นอนก็มันโดดเด่นจากลูกผสมของแมววิเชียรมาศไทย ๆ ของเราอยู่ด้วย
แมวพันธุ์แมงซ์ (Manx)
- ถิ่นกำเนิด ประเทศอังกฤษ
- สายพันธุ์ เป็นแมวที่เกิดจากการกลายพันธุ์ โดยตอนแรกนั้นมันเป็นแมวสายพันธุ์แมวบ้านนี่แหละค่ะที่เกิดบนเกาะอังกฤษ แล้วกลายพันธุ์จนทำให้หางมันหดสั้นลงเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นแมวสายพันธุ์แมงซ์ขึ้น
- ลักษณะ เป็นแมวขนาดกลาง ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้คือมีขาหลังที่ยาวกว่าขาหน้า หัวกลม และหางสั้นมากจนถึงบางตัวดูเหมือนไม่มีหาง ดูไปดูมาแมวพันธุ์นี้มีลักษระคล้ายกระต่ายเลยค่ะ มีทั้งพันธุ์ขนสั้นและขนยาว
- อุปนิสัย เป็นแมวที่ชอบเข้าสังคมและอยู่กับผู้คนได้ดี แต่มันจะขี้อายกับคนแปลกหน้า สายพันธุ์นี้เป็นแมวที่ฉลาดมากระดับ 5 ดาวและขี้เล่นคล้ายนิสัยของสุนัข เป็นแมวที่สามารถเรียนรู้คำสั่งได้ดีกว่าแมวหลายสายพันธุ์เป็นอย่างมากเลย ด้วยค่ะ
- การดูแล แมวแมงซ์ต้องการแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเพื่อกำจัดขนที่ตายแล้วออกไป การดูแลตัดเล็บ แปรงฟันและพาไปพบสัตวแพทย์เหมือนแมวปกติ แต่ปัญหาเรื่องสุขภาพอาจจะเกิดกับสายพันธุ์นี้ได้เพราะมักมีปัญหากระโรค สันหลังบกพร่องจากการกลายพันธุ์ของมัน ทำให้เกิดการสั่งการกับระบบประสาทที่ผิดปกติ และลูกแมวพันธุ์แมงซ์ที่เป็นโรคนี้จะตายภายใน 6 เดือน เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้แมวที่มีใบรับประกันแล้วละก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น ไปหรอกค่ะ
ราคาแมวพันธุ์นี้หาในเว็บไทยเท่าไหร่ก็หาไม่เจอค่ะ
สงสัยเพราะเป็นแมวที่หายากและการเกิดโรคกับลูกแมวก็มีโอกาสสูงจึงทำให้ไม่
ค่อยมีคนไทยรับเอามาเพาะพันธุ์ขายสักเท่าไหร่มั้งค่ะ
แต่อยากจะทดสอบความฉลาดของแมวพันธุ์นี้จัง
สงสัยคงต้องไปทดสอบกันไกลถึงต่างประเทศเลยละค่ะ
แมวพันธุ์-แมววิเชียรมาศ
ถิ่นกำเนิด
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา
ลักษณะพิเศษของแมววิเชียรมาศ
สีขน : แมววิเชียรมาศจะมีขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน
หรือสีงาช้าง มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง
เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ในขณะที่เป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
นัยน์ตา : ตามีสีฟ้า
หัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากมีลักษณะใหญ่และแบน
ส่วนที่อยู่ตรงแนวระดับตาจะเป็นส่วนที่กว้างที่สุด จมูกสั้น
ใบหูใหญ่ตั้งชัน ปลายใบหูจะค่อนข้างแหลม
หาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ
เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว คล้ายหางเสือ
แต้มตรงหางจะมีสีเข้มจากปลายหาง และจางลงเมื่อขึ้นมาถึงโคน
ลักษณะของแมววิเชียรมาศที่ไม่ถูกตามลักษณะ
มีขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้
นัยน์ตาสองข้างเป็นสีอื่น หรือคนละสี ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง
หางสั้นเกินไป หางขอด หางงอ ปลายหางคด
อุปนิสัย นิสัยขี้อ้อน รักอิสระ ฉลาด รักเจ้าของ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เสียงร้องดังและไพเราะดุจเสียงร้องเพลงการดูแล
แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่รักอิสระ
ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้
กลางคืนอาจขังไว้ข้างในบ้าน เนื่องจากแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ
และเป็นนักล่าดังนั้นอาหารจึงควรครบถ้วน มีโปรตีนที่เพียงพอ โดยให้วันละ 2
มื้อเช้า เย็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)